เพลี้ยจักจั่น สีเขียว GREEN RICE LEAFHOPPER -Stal
เพลี้ยจักจั่น สีเขียว GREEN RICE LEAFHOPPER -Stal
- ชื่อสามัญ : Green rice leafhopper
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nephotettix nigropictus (Stal)
- Family : Cicadellidae
- Order : Hemiptera
ลักษณะทางสัณฐานวิทยาและชีววิทยา
ลักษณะหนวด : แบบเส้นด้าย (filiform)
ลักษณะปีก : ปีกคู่หน้าเป็นแบบ Hemelytra บริเวณส่วนโคนปีกแข็ง ส่วนปีกคู่หลังเป็นแบบ membrane มีลักษณะบางใส
ลักษณะปาก : แบบเจาะดูด (piercing-sucking type)
ลักษณะขา : ขาคู่ที่ 1-2 เป็นแบบขาเดิน (walking leg) ขาคู่ที่ 3 เป็นแบบขากระโดด (Jumping leg)
ลักษณะทั่วไป : มีความยาวลำตัว 3.0 – 5.0 mm. ตัวเต็มวัยของเพลี้ยจักจั่นมีสีเขียวอ่อนและมีแต้มดำบนหัวหรือปีกมีสีเขียว มีขีดดำพาดตามความยาวของขอบหน้าผากระหว่างตาทั้ง 2 ข้าง ตัวเต็มวัยปีกยาวคลุมลำตัวตรงกลางมีเส้นสีดำ ปลายปีกมีสีดำเคลื่อนย้ายรวดเร็วเมื่อถูกรบกวน สามารถบินได้เป็นระยะทางไกลหลายกิโลเมตร ชอบบินมาเล่นไฟตอนกลางคืน
เพลี้ยจักจั่นสีเขียว Nephotettix nigropictus (Stal) มีวงจรชีวิตเหมือนกับ Nephotettix virescens (D.) ซึ่งมีการเจริญเติบโตแบบ incomplete metamorphosis ซึ่งจะประกอบไปด้วย
- ระยะไข่ (egg) : มีระยะเวลาประมาณ 7 วัน
- ตัวอ่อน (Nymph) : มีระยะเวลาประมาณ 14 วัน ลอกคราบ 4 ครั้ง
- ตัวเต็มวัย (adult) : มีชีวิตอยู่ได้ 10 วัน
แหล่งอาหาร : ไม้ยืนต้น เช่น มะม่วง, พืชตระกูลหญ้า (F. Poaceae) เช่น ข้าว, พืชล้มลุก (Herbaceous plant) เช่น กระเจี๊ยบ มันฝรั่ง และพืชตะกูลถั่ว (F. Fabaceae) เช่น ถั่วเหลือง เป็นต้น
ลักษณะการทำลาย : ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและลำต้นข้าวได้ทุกช่วงอายุ ทำให้ใบและลำต้นเหลืองหรือเป็นจุดเหลืองหรือน้ำตาล ทำให้ใบพืชเกิดโรคใบส้ม
การแพร่กระจาย : กระจายอยู่ทั่วไปในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน
วิธีการป้องกันควบคุม
- ใช้พันธุ์ต้านทาน เช่น กข 9
- ช่วงที่พบแมลงมาก ควรติดหลอดแสงไฟล่อแมลงและทำลายเสีย
- หมั่นตรวจดูแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ ในระยะกล้าข้าวอายุไม่เกิน 60 วัน ใช้สวิงโฉบถ้าพบเพลี้ยจักจั่นสีเขียวเฉลี่ย 2 ตัวต่อ 10 โฉบให้ใช้สารฆ่าแมลงฉีดพ่นเพื่อทำลายแมลงพาหะ หลังจากข้าวมีอายุ 60 วัน แล้วถ้าพบเพลี้ยจักจั่นสีเขียว 20 ตัวต่อ 10 โฉบ ให้ใช้สารฆ่าแมลงฉีดพ่นทำลาย
- ใช้สารฆ่าแมลงในการป้องกันกำจัดดังนี้
- สารฆ่าแมลงชนิดเม็ด ประเภทดูดซึม ได้แก่ carbofuran (ฟูราดาน หรือ คูราแทร์) ในอัตรา 5 กก./ไร่ โดยหว่านตามทันทีหลังหว่านข้าวงอก ถ้ายังมีแมลงระบาดอีกก็ให้หว่านเป็นครั้งที่ 2 โดยใช้หลังจากใช้ครั้งแรกแล้ว 25 วัน เพื่อยับยั้งการดูดกินน้ำเลี้ยง และการถ่ายทอดเชื้อไวรัส
- พ่นสารฆ่าแมลงชนิดผสมน้ำ ได้แก่ isoprocarb (มิพซิน 50% ดับบลิวพี), MTMC (ซูมาไซด์ 50% ดับบลิวพี), BPMC (บัซซ่า หรือ ฮอปซิน 50% อีซี) โดยใช้อัตรา 40 กรัม หรือ ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
เอกสารอ้างอิง
S. K. De Datta: “Principles and practices of rice production,” John Wiley & Sons, Singapore, pp. 420–449, 1981.
S. Nasu: Bull. Kyushu Agric. Exp. Sta. 8, 153–349 (1963) (in Japanese with English summary).
S. Nara, M. Sugiura, S. Wakimoto and T. Iida: Ann. Phytopathological Soc. Jpn. 33, 343–344 (1967) (in Japanese)..
......................................................................................................
*** สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ***
Tel : 02-374-7118-9, 02-377-2488, 02-377-9580, 02-375-1995
e-mail : customercare@unicorgroup.com
website : www.unicorgroup.com